LomoAmigo: ถ่ายทอดเรื่องราวสีสันสดใสของคุณย้วย-นภษร ศรีวิลาศ ผ่านกล้อง Diana Baby และ Fisheye Baby

น้องนอนในห้องลองเสื้อ
นักเขียน The Could
พิธีกรพอดแคสต์ Day1
เจ้าของผลงานหนังสือห้องลองเสื้อและ Love Zine
เจ้าของร้าน Rock Paper Scissors Store

เชื่อว่าชาวโลโม่ต้องคุ้นเคยกับผลงานคุณย้วย-นภษร ศรีวิลาศ เจ้าของเพจ น้องนอนในห้องลองเสื้อ กันมาเป็นอย่างดี วันนี้เรามีโอกาสได้ชวนคุณย้วยมาบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่การเป็นนักเขียน นักลองเสื้อ นักเล่าเรื่องธุรกิจ หลอมหลอมประสบการณ์จนมาเริ่มเปิดธุรกิจส่วนตัวอย่างร้าน Rock Paper Scissors Store

นอกจากนั้น คุณย้วยยังพาทุกคนไปสนุกกับทริปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นผ่านกล้อง Fisheye Baby กับ Diana Baby ของเรามาด้วยนะ ไปชมภาพน่ารักๆ พร้อมรับแรงบันดาลใจจากบทสัมภาษณ์นี้กันได้เลย! 📸✨


  • สวัสดีค่ะคุณย้วย แนะนำตัวให้ชาวโลโม่รู้จักหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ ย้วย นภษร ศรีวิลาศ นะคะ อดีตเป็นแฟนตัวยงที่รักการเล่าเรื่องธุรกิจผ่านบทความ บทสัมภาษณ์ และพอดแคสต์ค่ะ ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า อนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ เลยลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัวเปิดร้านนิตยสารที่ชื่อว่า Rock Paper Scissors Store ค่ะ

นักเขียนประจำ - นักลองเสื้ออิสระ

  • หลายๆ คนรู้จักคุณย้วยจากเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อ เพจนี้มีจุดเริ่มต้นจากไหนคะ

เริ่มจากสมัยที่ทำงานเป็นนักเขียนในกองบรรณาธิการนิตยสารแจกฟรีรายสัปดาห์ ได้รับมอบหมายให้ดูแลคอลัมน์ shopping เลือกสินค้ามาอัปเดตผู้อ่านทุกสัปดาห์ เลยติดนิสัยชอบดูชอบลอง มีวันหนึ่งเข้าไปลองเสื้อนานเกินปกติ จนพนักงานหน้าห้องเสื้อตะโกนเรียกเพราะนึกว่าเราหลับไป ก็เลยได้ไอเดียลุกมาทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อ แชร์ภาพลองชุดในห้องลองสนุกๆ ทำขำๆ คนตามก็เป็นเพื่อนๆ กัน นานวันเข้าก็เริ่มมีคนมาตามเยอะขึ้นมากๆ ทุกวันนี้ก็ยังสงสัยอยู่ว่าเขามาตามดูอะไรเพราะคอนเทนต์มีแค่ถ่ายภาพตัวเองในห้องลองเสื้อ

  • ชอบแฟชั่นอยู่แล้วรึเปล่าคะ

ชอบแต่งตัวมากกว่าค่ะ ไม่ได้เป็นคนตามเทรนด์ตามแฟชั่นได้ขนาดนั้นเพราะรู้ดีว่าไม่ได้เข้ากับทุกอย่างที่คนอิน แต่ไม่ปิดกั้นนะ เพราะลองแล้วถึงรู้ว่าเข้าไม่เข้า เหมาะไม่เหมาะ ดังนั้นเพจนี้มันเลยเหมือนลุกมาสนับสนุนให้คนได้ลอง ไม่ว่าจะเสื้อผ้าในห้องลอง หรือสิ่งที่ชอบที่สนใจที่อยู่นอกห้องลองค่ะ

  • ตอนนั้นได้คาดหวังไว้ไหมว่าจะได้รับการตอบรับดีขนาดนี้

ไม่เลยค่ะ ตอนนั้นทำเล่นๆ เพราะลงรูปในเฟซบุ๊กตัวเองแล้วเกรงใจเพื่อนที่ตามอยู่ แบบมันก็แอบเสียลุคในการทำงานเหมือนกัน งานเขียนงานสัมภาษณ์ต้องมีความจริงจัง ก็เลยเปิดเพจแบบไม่ได้บอกใคร ไม่มีใครรรู้ว่าเป็นใคร

  • สิ่งที่ได้จากน้องนอนในห้องลองเสื้อส่งผลอะไรมาถึงปัจจุบันบ้างคะ

เยอะมากๆ ค่ะ

ข้อแรก ซื้อเสื้อผ้าน้อยลงเพราะลองแล้วพอใจแล้ว บางตัวลองแล้วไม่เหมาะ หรือคิดภาพไม่ออกว่าจะใส่ไปไหน (เมื่อก่อนลองแล้วซื้อ ลองแล้วซื้อเปลืองมาก) พอถึงจุดหนึ่งเราจะอยากซื้อเฉพาะตัวที่ใส่แน่ๆ มันก็ทำให้แต่งตัวแม่นยำขึ้น รู้ความต้องการของตัวเองมากขึ้น
ข้อสอง ได้เพื่อนใหม่ๆ เพียบเลย จากเดิมที่เราชอบเสื้อผ้าสไตล์นี้คนเดียว ไม่ค่อยมีใครแต่งตัวแนวๆ นี้ ก็มีคนเข้ามาทักขอคำแนะนำ หรือแลกเปลี่ยนลิสต์แบรนด์ดีๆ มากขึ้น
ข้อสาม ตอนแรกกะทำขำๆ ดันมีสำนักพิมพ์ชวนออกหนังสือ และมีพี่เต๋อทักมาชวนไปเล่นหนัง ซึ่งประหลาดใจจนถึงตอนนี้

โดยสรุปส่งผลกับชีวิตทุกด้าน ด้านที่ใหญ่สุดคือได้สามีจากการทำเพจนี้เนี่ยแหละค่ะ ถ้าไม่มีเพจเขาคงไม่ได้มาติดตามและไม่ได้คุยกัน

  • ตอนนั้นงานประจำคุณย้วย คือการเป็นนักเขียนธุรกิจให้ The Could ค่อนข้างแตกต่างกับเพจที่ทำ มีความสนใจด้านนี้เป็นพิเศษอยู่แล้วรึเปล่าคะ

หมายถึงด้านธุรกิจใช่ไหมคะ ใช่ค่ะ ย้วยเชื่อว่าธุรกิจที่ดีทำให้ชีวิตคนดีขึ้นได้ แต่ที่ผ่านมาธุรกิจถูกทำให้เป็นเรื่องไกลตัวมากๆ พอได้รับโอกาสจาก The Cloud ให้ลองวางโครงเนื้อหาที่เราอยากเห็น และเป็นไปตามความเชื่อของ The Cloud คือเรื่องราวที่ better living ก็เลยได้รับโอกาสสร้างพื้นที่เล่าเรื่องธุรกิจดีๆ สร้างแรงบันดาลใจ

  • ปกติเป็นคนชอบเขียนอยู่แล้วใช่ไหมคะ

เริ่มจากเป็นคนชอบอ่านค่ะ แล้วก็ชอบอ่านนิตยสารมากๆ พอเข้าสู่วัยทำงานก็เลยมีความฝันอยากทำงานในกองบรรณาธิการนิตยสาร แต่ด้วยไม่ได้เรียนหรือมีความรู้ด้านการเขียนมามากนัก ช่วงแรกต้องฝึกตัวเองเยอะเลยค่ะ ทั้งอ่านให้หลากหลายขึ้น และก็ฝึกเขียนให้กระชับเพราะพื้นที่หน้ากระดาษมีจำกัด พอทำไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสได้ลองงานนิตยสารออนไลน์ ข้อดีคือไม่จำกัดความยาวแบบเพจ คนชอบเข้าใจว่าทำเพจ หรือเขียนออนไลน์ต้องเขียนสั้นๆ ไม่งั้นคนไม่อ่าน แต่ที่ The Cloud พวกเราทดลองแล้วว่างานเขียนที่ดี ต่อให้ความยาวเป็น 10 หน้า ยังไงก็มีคนอ่าน จากนั้นก็ฝึกทุกวันค่ะ งานเขียนต่อให้เขียนบ่อยๆ แต่ทุกคนที่เริ่มหน้ากระดาษใหม่ มันเหมือนเริ่มใหม่หมดตลอด ดังนั้นมันไม่ง่ายเลย ต้องฝึกฝนตลอดเวลาค่ะ

  • งานชิ้นไหนที่เป็นงานแจ้งเกิดในวงการนักเขียนเลย

ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพราะเวลาเขียนงานออกไป เราไม่ค่อยรู้ว่าคนอ่านอยู่ที่ไหน รู้สึกกับงานของเรายังไง คนอาจจะพูดถึงแหล่งข่าว (คนที่เราสัมภาษณ์ ร้านที่เราเล่าถึง)ในทางที่ดีขึ้น ก็เลยไม่ได้มีตัววัดผลว่างานไหนแจ้งเกิดเรา แต่ถ้าทำได้ดี ย้วยว่าเราจะได้รับโอกาสให้เขียนงานอยู่เรื่อยๆ ค่ะ จะมีคนรู้ว่าถ้าคนนี้เขียนต้องสนุกแน่ หรืออ่านปุ๊ปแล้วรู้เลยว่างานชิ้นนี้ย้วยเขียน แบบมันจะมีน้ำเสียงหรือลีลาการเล่าเรื่องอยู่ เมื่อก่อนจะเป็นคนจริตจะก้านแรงมากเวลาเขียนบทความ ตอนนี้เริ่มมือตกแล้วค่ะ 5555

  • คิดว่างานเขียนของคุณย้วยเป็นสไตล์ไหน

ถ้าเป็นงานสัมภาษณ์หรืองานบทความ สไตล์ย้วย ย้วยคิดว่าน่าจะเป็นงานที่อ่านแล้วมีน้ำเสียงอยู่ในนั้น ย้วยชอบการอธิบายเป็นสายเลือกอยู่แล้ว รักการอธิบายเรื่องยากให้เข้าใจง่ายมากๆ แล้วงานพวกธุรกิจ หรือเบื้องหลังงานสร้างสรรค์ มันอาศัยความเข้าใจประมาณนึง พอเราสนุกกับการเข้าใจ เราก็ยิ่งอยากเล่าอยากอธิบาย มันก็เลยออกมาผ่านตัวอักษรที่เขียนออกมาค่ะ

นักเล่าเรื่องธุรกิจ - ธุรกิจส่วนตัว

  • ปัจจุบัน คุณย้วยเป็นพิธีกร Podcast ให้กับรายการ Day 1 ของทาง capitalread.co ซึ่งเป็นสื่อที่เน้นธุรกิจโดยเฉพาะเลย งานนี้ต่างกับที่เคยทำมาอย่างไรบ้างคะ

จริงๆ podcast ย้วยหยุดทำไปช่วงหนึ่งเพราะโฟกัสให้ธุรกิจร้านนิตยสาร แต่เร็วๆ นี้จะกลับไปทำรายการแล้วค่ะ เพราะผู้ฟังน่ารักมาก แวะเวียนกันมาที่ร้านแล้วทวงถามให้กลับไปจัดรายการได้แล้ว

เดิมรายการ day1 ย้วยเริ่มตอนสมัยทำงานเป็นทีมบรรณาธิการหนังสือในสำนักพิมพ์แซลมอน ตอนนั้นทำเพราะคิดถึงการเล่าเรื่องธุรกิจมากๆ ทำแก้ขัดสลับกับตรวจทางต้นฉบับพ็อกเกตบุ๊ก ต่อมาได้รับมอบหมายจากบริษัทให้ลองขึ้นเว็บไซต์ใหม่เกี่ยวกับธุรกิจ ก็เลยได้มาทำ capitalread.co ตอนนั้นกลัวเหมือนกันเพราะว่าการปั้นเว็บหรือเพจในปีนั้นยากมากไม่เหมือนตอนเราทำ The Cloud ที่ติดตลาดเร็ว แทนที่จะทำซ้ำ เราก็หาแนวทางใหม่ๆ ให้ต่างจากที่เคยทำมา เดิมเราชอบ good business ต่อมาเราสนใจเรื่อง modern business หรือธุรกิจแบบคนรุ่นใหม่ที่คนแบบเก่าอาจจะคิดว่าหาเงินได้จริงหรอ แต่พวกเขาทำได้ เช่นธุรกิจตู้ถ่ายภาพ ธุรกิจขายวอลเปเปอร์โทรศัพท์ ธุรกิจเครื่องหอม ธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก แต่ทำอย่างตั้ใจจริงไม่แพ้ใครเพื่อตอบโจทย์ใหม่ๆ ให้ผู้คน

หลังจากขึ้นโครงเนื้อหา capital เรียบร้อย เราก็ระดมมือดีซึ่งก็คือ น้องๆ พี่ๆ นักเขียนที่เชื่อในเรื่องธุรกิจรุ่นใหม่มารวมทีมกัน เป็นการทำงานที่สนุกมาก ทุกคนปล่อยของกันสุดๆ พอถึงจุดหนึ่งย้วยก็ขอลาออกมาทำธุรกิจในฝันของตัวเองบ้าง

  • เวลาเลือกธุรกิจมาสัมภาษณ์ เลือกจากสิ่งที่สนใจเองไหมคะ หรือมีวิธีการอย่างไรบ้าง

หลักการเลือกคนสัมภาษณ์มีทั้งสนใจเอง ติดต่อไปขอสัมภาษณ์เอง และก็แบบที่แนะนำต่อๆ กันมา ข้อดีของงานสื่อคือเหมือนเราถูกจ้างไปคุยกับคนทำอะไรเจ๋งๆ หลากหลายวงการซึ่งดีมากๆ เปิดโลกมาก สิ่งเดียวที่ควรยึดถือก็คือ เรื่องราวที่นำเสนอไปในแนวทางเดียวกับที่สื่อเชื่อหรือไม่ หรือใช่ก็ลุยเลย ถ้ามันดีต่อกลุ่มผู้ติดตามของเราก็นำเสนอเลยค่ะ

  • จาก Day 1 ของการทำงานประจำ สู่ Day 1 ของการทำธุรกิจส่วนตัว ร้าน Rock Paper Scissors Store เริ่มต้นได้อย่างไรคะ

ช่วงที่ทำงานประจำ มีความฝันเล็กๆ ลึกๆ อยู่แล้วแต่ไม่กล้าเลย วันดีคืนดีก็ได้รับโอกาสให้ลองมาออกร้านขายหนังสือมือสองกองดองที่บ้าน ติดใจมาก ค้นพบความสุขใหม่ นั่นคือขายหนังาสือ แนะนำหนังสือที่ซื้อมา ประกอบกับสัมภาษณ์ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เยอะมาก ไฟแรงสุดๆ ทุกคนเชียร์ให้ลองเริ่มเป็น second job ทำนอกเวลางาน ปรากฎติดใจมาก ในที่สุดก็ขอสามี (ตอนนั้นยังเป็นแฟน) ลาออกจากงานมาทำร้าน

  • ความสนุกของการได้เป็นเจ้าของร้าน Rock Paper Scissors Store คืออะไรคะ

สนุกทุกตรงเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนเลือกหนังสือมาขาย ปกติก่อนเปิดร้านพวกเราสั่งนิตยสารมาอ่านกันอยู่แล้ว แพงมากๆ สมมติเล่มนึง 500 บาท ค่าส่งก็เริ่มต้น 1500 แล้ว แต่พอเปิดร้านเหมือนมีเพื่อนมาช่วยหารค่าส่ง มีความสุขมาก

สนุกที่ได้แนะนำให้ลูกค้ารู้จักนิตยสาร มีคนตัวเล็กๆ มากมายในโลกนี้ลุกมาเล่าเรื่องสนุกๆ ที่เขาอินในรูปแบบกระดาษมากมาย เราเป็นตัวกลางที่พาเขามาเจอกัน มันดีมากเลย และวันดีคืนดีคนทำหนังสือหรือคนในวงการสิ่งพิมพ์หลายๆ ประเทศก็แวะมาที่ร้านเรา มันดีมากๆ ได้เพื่อนใหม่เยอะมากๆ เลยค่ะ

  • เห็นว่าที่ร้านมีสีสันและมีโคมไฟเยอะมากๆ เลย แอบถามเหตุผลได้มั้ยคะ

เป็นคนที่ชอบสีสันสดใสอยู่แล้ว ถ้าต้องอยู่ในสภาพมินิมอลจะอกแตกตายเล็กน้อย ล้อเล่นนะคะ เป็นคนชอบการแต่งบ้านด้วยสีสันอยู่แล้ว มองแล้วมีความสุข พอได้ทำร้านเองก็เต็มที่สุดๆ ไปเลย เราสั่งโซฟาสีเขียวปี้ดก่อน แล้วถึงขอให้ช่างทำพื้นแดง ทาตู้ฟ้า ทาพนังร้านสีเหลือง นี่เพิ่งได้ตู้ใหม่มาสีเขียวเหมือนกันค่ะ

เราชอบการหยิบของที่ดูไม่เข้ากันมาอยู่รวมกัน มันสวยจริงๆ นะ ก็เลยทำร้านแบบนี้ขึ้นมา ส่วนโคมไฟ เพราะอยากให้การอ่านสบายตาก็เลยเลือกโคมไฟสีสวย คุณภาพดี ดีไซน์เท่ไม่ซ้ำมาใช้ที่ร้าน รวมถึงขายด้วยค่ะ

นักเล่าเรื่องผ่านภาพถ่าย

  • ล่าสุดคุณย้วยได้ไปเที่ยวทริปที่ญี่ปุ่นมา แล้วนำเอากล้อง Fisheye Baby กับ Diana Baby ไปถ่ายเล่นด้วย เป็นอย่างไรบ้างคะ

สนุกและประทับใจมาก พวกเรามักจะมีกล้องฟิล์มไปเที่ยวด้วยเสมอ แต่รอบนี้เราพบว่าฟิล์มทั่วไปในท้องตลาดแพงมากๆ แล้วมาเจอราคาฟิล์ม 110 ราคาน่ารักมาก แถมกล้อง baby ที่ใช้กับฟิล์มรุ่นนี้ก็น่ารักสุดๆ ไปเลย เลยลองสั่งมาลองดูค่ะ ตอนแรกก็ลุ้นเหนือนกันว่ารูปจะออกมาดีไหม เพราะข้อจำกัดของกล้องคือต้องถ่ายในที่มีแสง เข้ากับญี่ปุ่นหน้าร้อนสุดๆ

แล้วพออากาศร้อนมากๆ เราก็ไม่อยากพกของเยอะเหนอะหนะ baby ก็เลยเป็นไอเทมโปรดประจำทริปเลยค่ะ หยิบมาถ่ายได้ตลอด และไม่ค่อยโดนมองด้วยเพราะคนนึกว่าของเล่น

ตอนได้รับไฟล์รูปคือรู้เลยว่าโชคดีแค่ไหนที่มี Fisheye Baby กับ Diana Baby มาทริปนี้ด้วย ดีจนอยากบอกต่อให้ทุกคนได้ลองจริงๆ ค่ะ

  • ทริปนี้แพลนไปที่ไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ

ทริปนี้มีเป้าหมายหลักคือไป summer sonic ค่ะ ไปดู NewJeans แล้วก็ไป honeymoon ด้วย เราสองคนเที่ยวคล้ายกันคือ สบายๆ ไม่แมส ไม่ได้เน้นช้อปปิ้งมาก งานศิลปะก็ดีบ้าง อาหารกับกาแฟก็เน้นอร่อย เป็นทริปพักผ่อนแบบพักผ่อนจริงๆ ค่ะ ทุกที่ที่ไปยกเว้นงานเฟสติเวิล คือไม่มีคนเลย อย่าว่าแต่เจอคนไทยน้อยเลย คนญี่ปุ่นเรายังไม่ค่อยเจอเลยค่ะ เน้นร้านที่ไม่แมสแต่ดีมากๆ

  • มีอะไรจากทริปนี้ที่ประทับใจอยากเล่าให้พวกเราฟังไหม

ประทับใจทุกอย่างเลย อาจจะเพราะมีเพื่อนร่วมทางดีด้วยค่ะ 4 ปีก่อนย้วยมาโตเกียวคนเดียว (อยู่โตเกียวทั้ง 10 วันเที่ยวจนพรุน ไม่ได้ไปเมือนอื่นเลยเพราะอยากสำรวจให้ครบๆ) รู้สึกเหงามาก ไม่สนุกเลย คิดไว้แล้วว่ายังไงก็ไม่กลับมาอีกแน่นอน แต่พอพี่เฟิมชวนไปดูคอนเสิร์ต กับมีร้านรวงอิสระใหม่ๆ ที่เปิดก็อยากลองแวะดู ปรากฎชอบมาก แม้ว่าจะร้อนมากๆ แต่การมีเพื่อนร่วมทางที่เข้าใจมันทำให้ทุกอย่างสมูทจริงๆ ถ้าได้มาตอนอากาศดีกว่านี้มันต้องดีมากๆๆๆๆ นี่ขนาดร้อนแบบหงุดหงิดง่ายเรายังผ่านมาได้เลย ถ้านึกไวๆ ก็จะขอตอบเป็นเรื่องนี้ค่ะ

  • ชอบภาพไหนจากทริปนี้มากที่สุด

ทริปนี้ไม่ค่อยมีรูปคู่ค่ะ ก็เลยชอบภาพนี้เป็นพิเศษ

  • แอบกลับมาแถมเรื่องร้าน กลับมาครั้งนี้ มีอะไรใหม่ๆ มาเติมร้าน Rock Paper Scissors Store รึเปล่าคะ

หอบหนังสือแล้วของกระจุกกระจิกมาเติมร้านนิดหน่อยค่ะ กับเป็นคนที่ซึมซับอะไรง่าย พอกลับมาจากญี่ปุ่นเราทำตัวเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ช่างพูดช่างเล่าแบบแต่ก่อนค่ะ คิดว่าเป็นบุคลิกเลียนแบบเจ้าของร้านรวงในญี่ปุ่นที่เราไป เขาเงียบๆ คูลๆ ก็เลยอยากคูลๆ บ้าง ตอนนี้กลับมาช่างพูดช่างขายเหมือนเดิมแล้วค่ะ

  • คุณย้วยทำมาหลายอย่าง ตั้งแต่การเป็นนักเขียน, เขียนหนังสือ, ทำพอดแคสต์และการเปิดธุรกิจส่วนตัว ในอนาคตมีแพลนอย่างทำอะไรอีกมั้ยคะ

อนาคตอยากทำซีนของตัวเองสักเล่มค่ะ คิดค้างไว้ตั้งแต่กลับจากโซลเมื่อปีที่แล้วยังไม่ได้เริ่มเลย จะเป็นซีนเล่าแผนเที่ยวและกิจกรรมที่ไม่แมสมาก ว่าจะทำต่อกันเลย seoul passion week และ tokyo passion week (ล้อคำว่า fashion week) เหมาะสำหรับใครที่ไปเมืองนั้นหลายครั้งก็ยังเที่ยวสนุกได้ หรือคนไปครั้งแรกยิ่งสนุก จริงๆ คนมาขอลายแทงเยอะเลยแต่ไม่กล้าให้เพราะกลัวคนจะไม่สนุกเหมือนที่เราสนุก แต่เดี๋ยวรอให้ว่างจากเคลียร์บัญชีปิดยอดประจำเดือนก่อนแล้วจะลงมือทำเลยค่ะ

  • สุดท้ายแล้ว ให้คุณย้วยฝากผลงานและช่องทางการติดตามได้เลยค่ะ

ฝากกิจการร้านนิตยสารเล็กๆ ที่ชื่อ Rock Paper Scissors Store ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ เราตั้งใจเลือกนิตยสารอินดี้ที่มีวิธีการเล่าเรื่องสนุก พร้อมข้าวของที่ทำให้การอ่านรื่นรมย์ และกาแฟคั่วอ่อนคุณภาพดีเยี่ยมรสอร่อยของโรงคั่วเราเอง ขอบคุณค่ะ


ขอบคุณย้วยที่มาแชร์ประสบการณ์กับชาวโลโม่ในครั้งนี้ด้วยนะคะ เต็มอิ่มมากๆ เลย หวังว่าทุกคนจะได้แรงบันดาลใจกลับไปด้วยนะ! Lomo on! : )

เขียนโดย aomschll เมื่อ 2023-09-14 ในหมวด

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ