Jaakob Lahtinen กับมุมมองการถ่ายภาพฟิล์ม การเล่นสเก็ตบอร์ด และการใช้ชีวิต
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่การถ่ายภาพด้วยฟิล์มและการเล่นสเก็ตบอร์ดมักจะมาบรรจบกัน และสำหรับ Jaakob Lahtinen ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ตั้งแต่เด็ก เขาและเพื่อน ๆ ฝันที่จะได้เล่นสเก็ตบอร์ด และเมื่อเวลาผ่านไป ความหลงใหลนั้นก็ได้เติบโตขึ้นเป็นความสนใจที่จะเล่าเรื่องราวด้วยภาพอีกด้วย ที่สุดแล้วความสนใจนี้ก็ได้นำเขาไปสู่การเรียนถ่ายภาพ ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วหลังจากเรียนจบ Jaakob ได้บันทึกช่วงเวลาในชีวิตของตัวเองด้วยความตื่นเต้นต่ออนาคตที่จะมาถึง เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เก็บภาพบรรยากาศของงานสเก็ตซึ่งเพื่อน ๆ เป็นผู้จัดขึ้น และตัวเขาเองก็มีส่วนร่วมอีกด้วย โดยใช้กล้อง LomoKino และวันนี้เขาได้มาร่วมพูดคุยใน Lomography Magazine เพื่อเล่าให้เราฟังถึงประสบการณ์และมุมมองของเขา ทั้งการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม, สเก็ตบอร์ด และการใช้ชีวิต
สวัสดียา Jacob ยินดีต้อนรับสู่ Lomography Magazine! แนะนำตัวให้พวกเรารู้จักหน่อย
ผมเป็นช่างภาพ ศิลปินที่สื่อสารผ่านภาพ ผู้บันทึกเหตุการณ์ จากเมืองลาห์ติ ประเทศฟินแลนด์ งานของผมมีความทดลองสูง โดยใช้สัญชาตญาณเป็นตัวนำ และมองชีวิตด้วยความสงสัย ไม่มีอะไรสวยงามไปกว่าความเป็นมนุษย์อีกแล้ว จริง ๆ ผมมีปัญหาในการนิยามตัวเองและผลงานของตัวเองนะ ความสนใจของผมมีความหลากหลายมากๆ ผมถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลองอะไรใหม่ ๆ โดยใช้กระบวนการผลิตภาพเป็นสื่อกลาง สิ่งที่สนใจคือวิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรมย่อย ความหลากหลายของมนุษย์ ความสุ่มและความแปลกของโลกนี้ และวิธีที่เหล่ามนุษย์มีอิทธิพลต่อทุกสิ่งรอบตัว โดยสรุปแล้ว… ผมกำลังพยายามที่จะเข้าใจทุกอย่างผ่านศิลปะและคุณค่าของมันอย่างอบอุ่น

ผมสนใจศิลปะและการแสดงออกผ่านตัวตนของตัวเองมาโดยตลอด จุดเริ่มต้นความสนใจในการถ่ายภาพเริ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ตั้งแต่นั้นมา ศิลปะจากเลนส์ก็ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในตัวตนของผม ผมจบการศึกษาในฐานะช่างภาพและนักสื่อสารด้วยภาพจากมหาวิทยาลัยเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2024 ทั้งการเรียนและสังคมในมหาวิทยาลัยได้เปิดโลกให้ผมได้เห็นถึงความเป็นไปได้อีกมากมายในวิชาชีพนี้ และยังก่อให้เกิดความรักอย่างลึกซึ้งต่อหนังสือภาพ หนังสือศิลปะ และการเข้าเล่มหนังสืออีกด้วย
เมื่อเรียนจบแล้ว ตอนนี้ผมกำลังก้าวเล็ก ๆ ไปสู่โลกแห่งความจริงและความรับผิดชอบ ตัวผม แฟนผม และครอบครัว กำลังจะได้ต้อนรับฝาแฝดอีกสองคนที่จะลืมตามองโลกในอีกไม่นาน ในระหว่างนี้ ผมก็เริ่มธุรกิจของตัวเองในฐานะช่างภาพอิสระ โดยหวังว่าอีกไม่นานจะสามารถดูแลครอบครัวได้ด้วยสิ่งที่รัก
อยากให้คุณเล่าให้ฟังว่าเป็นช่างภาพในฟินแลนด์เป็นอย่างไรบ้าง
หลาย ๆ อย่างก็ถือว่าโชคดีนะ ที่ได้เป็นช่างภาพในฟินแลนด์ ที่นี่มีระบบการศึกษาที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ผมเพิ่งเริ่มธุรกิจเป็นช่างภาพ และก็ได้แรงสนับสนุนจากหลาย ๆ ฝ่ายตลอดกระบวนการ จริง ๆ แล้วอาชีพนี้ไม่ได้ง่ายนะ สำหรับหลาย ๆ คนและสำหรับตัวผมเองก็เช่นกัน แต่มันคือความหลงใหลที่ผลักดันให้เราสร้างสรรค์และเรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ
ในมุมมองของผม ที่นี่มีรากฐานและระบบสนับสนุนสำหรับมืออาชีพค่อนข้างแข็งแรง ผมทั้งเชื่อว่าช่างภาพชาวฟินแลนด์มีอะไรอีกมากที่จะนำเสนอให้โลกได้เห็น หากมีโอกาส สำหรับผมแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้ทำอะไรที่ส่งผลต่อคอมมิวนิตี้ของตัวเอง โลกหมุนตลอดเวลาและเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แม้ว่าในชีวิตทั่วไปอาจจะดูเหมือนทุกอย่างไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมาก แต่เมื่อได้บันทึกช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ ภาพเหล่านั้นก็จะเผยให้เห็นความจริงอีกครั้งในอนาคต
เราได้เห็นภาพสเก็ตบอร์ดถูกอัปโหลดแทบทุกวัน! อยากให้คุณช่วยเล่าได้ไหมว่า ทำไมฟิล์มและสเก็ตบอร์ดถึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี และอะไรคือเหตุผลที่คุณมักจะเลือกใช้กล้องฟิล์มมากกว่ากล้องดิจิทัล
ศิลปินและช่างภาพหลาย ๆ คนมีรากฐานมาจากสเก็ตบอร์ด คอมมิวนิตี้สเก็ตบอร์ดประกอบด้วยศิลปินจากหลายแขนง วัฒนธรรมและสังคมนี้ได้บ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์และนำคนซึ่งมีความสามารถและภูมิหลังแตกต่างกันมาอยู่รวมกัน ที่สำคัญคือสเก็ตบอร์ดสอนให้เราอดทน หากล้มก็สามารถลุกขึ้นมาอีกได้อีกครั้ง ทำให้เราเห็นคุณค่าในความสำเร็จเล็ก ๆ ที่ได้มา
สำหรับผมแล้ว การถ่ายภาพด้วยฟิล์มก็มีคุณสมบัตินี้เช่นกัน ทั้งความสวยงามของภาพและวิธีการที่จะได้ภาพนั้นมา หากใช้ฟิล์ม เราต้องใช้ความระมัดระวังและไตร่ตรองมากขึ้นในการถ่ายภาพ จริง ๆ แล้วการใช้ฟิล์มบันทึกช่วงเวลาที่มีความเคลื่อนไหวสูง ๆ อย่างสเก็ตบอร์ดก็เป็นความท้าทายในตัวเองอีกด้วย!
ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมสเก็ตบอร์ดและการถ่ายภาพด้วยฟิล์มถึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี จริง ๆ แล้ว ผมคิดว่าการถ่ายภาพด้วยฟิล์มเป็นอะไรที่สวยงามมาก ๆ โดยทั่วไป ทั้งสเก็ตบอร์ดและการถ่ายภาพด้วยฟิล์มล้วนเป็นศิลปะแห่งความคิดสร้างสรรค์ ทั้งนักสเก็ตใช้การเคลื่อนไหวเพื่อตีความพื้นที่ ในขณะที่ช่างภาพใช้ภาพถ่ายเพื่อตีความนักสเก็ตอีกที ทั้งนี้ยังเป็นวิธีสวย ๆ ที่ใช้ในการตีความสถาปัตยกรรมอีกด้วย การบันทึกภาพคอมมิวนิตี้ด้วยภาพฟิล์มให้ความรู้สึกเหนือกาลเวลา
เหตุผลที่ผมเลือกใช้กล้องฟิล์มแทนที่จะเป็นดิจิทัล ก็คือกระบวนการผลิตภาพด้วยฟิล์มนั้นใช้ความละเอียดรอบคอบและใช้เวลามากกว่า ทำให้การถ่ายภาพมีความเป็น “งานฝีมือ” จริง ๆ สำหรับการฝึกฝนฝีมือ เราต้องใช้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจ ที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่สำหรับคนที่มีงบจำกัด (ซึ่งก็รวมถึงตัวผมและอีกหลาย ๆ คน) เราสามารถใช้กล้องราคาถูก ๆ ที่มีอยู่ให้คุ้มค่าได้อีกมาก จริง ๆ แล้ว ผมสนุกที่จะทดลองใช้กล้องและอุปกรณ์หลาย ๆ อย่าง เพื่อดูว่าขีดจำกัดของมันอยู่ตรงไหนดี
อยากให้ช่วยเล่าว่า Pinna Skate คืออะไร
Pinna Skate เป็นแบรนด์สเก็ตบอร์ดซึ่งเพื่อนของผมเป็นคนเริ่ม แล้วผมก็ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมก็เริ่มมาตั้งแต่แรก ๆ ตอนนั้น Pinna เริ่มจากความฝันจากโครงการของโรงเรียนเมื่ออยู่เกรด 8 และได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลต่อผู้คนในคอมมิวนิตี้ ซึ่ง Pinna ดำเนินการในด้านกีฬาและบริการสำหรับเยาวชน โดยมีเป้าหมายที่จะส่งมอบพื้นที่และโอกาสให้ทุกคนได้เล่นสเก็ตบอร์ดกันได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์

Pinna เป็นองค์กรที่ให้โอกาสและพื้นที่สำหรับทุกเพศทุกวัย ที่นี่มีทั้งการฝึกซ้อม กิจกรรม งานแข่งขัน ไปจนถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์และของที่ระลึก แล้วก็ Pinna ยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในท้องถิ่น ที่สำคัญคือ Pinna ยังมีทีมนักสเก็ตบอร์ดฝีมือเยี่ยมอีกด้วย
อีกความสำเร็จล่าสุดคือ Pinna ได้เปิดสเก็ตพาร์คในร่มซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสเก็ตพาร์คในร่มที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ โดยใช้ชื่อว่า ‘Vipukulma Skatepark’ ตั้งอยู่ในเมือง Lahti, ประเทศฟินแลนด์ เป้าหมายคือการหาทุนสนับสนุน เพื่อให้สเก็ตพาร์คแห่งนี้สามารถอยู่ได้ต่อไป เพื่อชุมชนคนรักสเก็ตบอร์ดและเพื่อนๆ ที่มีอยู่
– อยากให้เล่าถึงความรู้สึกตอนใช้ LomoKino สำหรับโปรเจคนี้
ผมรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นมากที่จะได้ทดลองใช้ “LomoKino” (https://shop.lomography.com/lomokino) ที่จริงแล้ว ผมเคยผลิตวีดีโอและใช้ฟิล์มมาบ้างแล้ว และก็ฝันว่าวันหนึ่งจะได้ถ่ายหนังด้วยฟิล์ม LomoKino เป็นวิธีที่จะได้ทดลองอะไรใหม่ๆ และนำความสนใจนี้ไปต่อยอดอีก ประสบการณ์ในการใช้ LomoKino จริงๆ แล้วสนุกมากๆ ตอนแรกก็มีความไม่มั่นใจเพราะไม่เคยใช้ LomoKino มาก่อน กังวลว่าถ่ายแล้วภาพจะเสียไหม แต่เมื่อได้ส่งฟิล์มไปล้างแล้วและได้เห็นผลออกมา ก็ม relieved จริงๆ ที่ภาพออกมาสวย สำหรับมือใหม่อย่างผม LomoKino ใช้ง่ายมากๆ
ผมได้ใช้ LomoKino ถ่ายภาพในงานสเก็ตบอร์ดท้องถิ่นซึ่ง Pinna เป็นเจ้าภาพ โดยตั้งใจที่จะใช้ footage ที่ได้เป็นภาพประกอบใน aftermovie ที่ตัดต่ออีกครั้ง ที่สำคัญคือกระบวนการตัดต่อได้จุดประกายในตัวผมอีกครั้งให้สนใจเทคนิค “frame-by-frame animation” ที่สามารถนำไปทดลองเพิ่มเติมอีกในอนาคต Aftermovie ที่ได้ออกมาถือว่าใช้ LomoKino เป็นไฮไลท์อีกอย่าง ผมอยากที่จะใช้ LomoKino ถ่ายอีก อยากทดลองอะไรอีกเยอะ ๆ เพราะได้เห็นแล้วว่าหลักการนี้มีศักยภาพสูง อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองใช้ LomoKino จริง ๆ ทั้งสวย ทั้งราคาเป็นมิตร และเป็นวิธีที่จะเก็บช่วงเวลาที่งดงามอีกด้วย
อยากให้เล่าถึงโปรเจกต์เจ๋ง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น
มีอีกโปรเจกต์ระยะยาวที่ผมและแฟนได้เตรียมกันไว้ เราทั้งสองตัดสินใจที่จะมีลูกด้วยกัน จริง ๆ แล้วชีวิตมีอะไรเซอร์ไพรส์อีกเพราะเราได้ฝาแฝด! ทั้งตัวผมและแฟนมีความหลงใหลในการถ่ายภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพด้วยฟิล์มและหนังสือภาพ เรารู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้มีโอกาสอันหายากนี้ที่จะได้เป็นพ่อแม่ฝาแฝด ฝาแฝดมีกำหนดจะคลอดในช่วงต้นฤดูร้อน โปรเจกต์นี้จะมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์ระหว่างฝาแฝด ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปจนถึงอนาคต เราวางแผนที่จะบันทึกการเดินทางนี้ด้วยภาพถ่ายฟิล์มเป็นส่วนใหญ่ เพื่อที่จะได้เล่าเรื่องราวและมุมมองของเราทั้งคู่ได้อย่างสวยงาม

เรากำลังอยู่ในระหว่างการหาทุนและแรงสนับสนุนสำหรับโปรเจกต์นี้ หากได้ทุน เราในฐานะพ่อแม่ก็จะสามารถใช้เวลาอยู่กับลูก ๆ ได้มากขึ้น และสามารถทุ่มเทให้กับโปรเจกต์นี้ได้เต็มที่ ความฝันของเราคือการผลิตหนังสือภาพ ซึ่งเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้งครอบครัว โดยหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่จะถูกเย็บเล่มด้วยมือ และใช้วัสดุรีไซเคิลอีกด้วย เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้แบ่งปันเรื่องราวของครอบครัวเรา ซึ่งมีความเป็น ‘plural family’ ที่แตกต่างนี้ให้โลกได้เห็น”
ขอบคุณ Jacob อีกครั้ง ที่ได้มาเล่าเรื่องราวอันพิเศษนี้ให้พวกเราฟัง! หากสนใจที่จะติดตามโปรเจกต์ที่แตกต่างและน่าตื่นเต้นนี้ เข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ Instagram @hippa_heikki
เขียนโดย lomocato เมื่อ 2025-06-13 ในหมวด #วัฒนธรรม #ผู้คน #วิดีโอ
ไม่มีความคิดเห็น