ตามล่าหาแสงอาทิตย์กับช่างภาพ Calista ผ่านเลนส์ Petzval 55 มม. Art และฟิล์มจาก Lomography
Share Tweetช่างภาพ Calista เป็นช่างภาพที่มีพรสวรรค์ ภาพถ่ายของเธอเต็มไปด้วยพลังและจิตวิญญาณของความวัยรุ่น สะท้อนให้เห็นถึงการเล่นของแสงและเงาที่สวยงาม เธอได้ใช้สินค้าของ Lomography หลายตัวเลย ช่น เลนส์ New Petzval 55mm f/1.7 MKII, กล้อง Diana F+, ฟิล์ม LomoChrome Metropolis 120 และ LomoChrome Color ’92 ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้เธอยังมาแบ่งปันเหตุผลที่เริ่มต้นถ่ายภาพและโปรเจกต์ในอนาคตของเธอด้วย
สวัสดี Calista! ยินดีต้อนรับสู่ Lomography Magazine แนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักหน่อย
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ Calista จบการศึกษาจาก BU ด้วยปริญญาด้านศิลปะภาพในปี 2023 และทำงานฟรีแลนซ์มาได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ฉันชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ความงามของธรรมชาติ และทิวทัศน์ที่สวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตก ฉันเริ่มสร้าง Instagram ขึ้นมาเพื่อโชว์ภาพถ่ายฟิล์มของตัวเอง โดยเฉพาะการเน้นความงามของแสง
ชื่อ "golden things always" มาจากการที่ฉันมักจะค้นหาสิ่งที่เป็นสีเหลือง ค้นหาความสว่างของแสงค่ะ
คุณเริ่มต้นกับการถ่ายภาพได้อย่างไร ถ่ายภาพบุคคลเป็นสไตล์ที่คุณชอบไหม และอะไรที่ดึงดูดคุณให้ชอบมัน
ฉันเริ่มสนใจการถ่ายภาพมาตั้งแต่เด็กค่ะ และเคยเรียนศิลปะมาตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบการวาดรูปเท่าไหร่ จากจุดเริ่มต้นที่ค่อนข้างวุ่นวายมาจนถึงตอนนี้ ฉันไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีกล้องเลยค่ะ ตอนมัธยมปลาย ฉันซื้อกล้อง Sony a5000 มือสองโดยไม่รู้อะไรเลยในตอนแรก แล้วก็เรียนรู้ทุกอย่างจาก YouTube ฉันชอบสไตล์ของช่างภาพต่างประเทศอย่างมาก จำได้ดีเกี่ยวกับแสงสีน้ำเงินและส้มที่เป็นเอกลักษณ์ของ Brandon Woelfel, สไตล์ภาพยนตร์ของ Sam Kolder และวิดีโอของ Peter McKinnon ฉันเรียนรู้ทุกอย่างจาก YouTube และภาพยนตร์ค่ะ
ในปี 2018 ฉันพบกล้อง Canon AE1 ของพ่อที่บ้าน และนั่นแหละที่ทำให้ฉันเริ่มถ่ายภาพฟิล์ม ตอนนั้นฟิล์มม้วนหนึ่งราคาแค่ประมาณ 30 หยวนเท่านั้น ฉันจำได้ว่าฉันใช้ฟิล์มม้วนหนึ่งที่มี 36 รูปเพื่อเป็นการนับถอยหลัง 36 วันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลายค่ะ ฉันชอบการถ่ายภาพบุคคลมาตลอด เพราะมันทำให้ฉันสามารถจับอารมณ์และการโต้ตอบของแสงในขณะนั้นได้ (ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย) ในตอนแรก ฉันจะถ่ายเพื่อน ๆ แฟน หรือแม่ของฉัน และใช้มันในการสร้างผลงานของตัวเอง ขอบคุณพวกเขามากเลยค่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันใช้ฟิล์มมากกว่ากับการถ่ายภาพในเมืองและทิวทัศน์

คุณคาดหวังจะสื่ออะไรผ่านการถ่ายภาพเหล่านี้
หนึ่งในเหตุผลที่ฉันถ่ายภาพก็คือเพื่อแช่แข็งช่วงเวลา เพื่อเก็บรักษาฉากและผู้คนที่สวยงามเอาไว้ค่ะ ฉันเชื่อว่าการถ่ายภาพเป็นวิธีหนึ่งในการพิสูจน์การมีอยู่ของตัวเอง ที่ซึ่งฉันสามารถใช้ทักษะ สไตล์ และมุมมองของตัวเองในการบันทึกชีวิตของตัวเอง ฉันหวังว่าจะสามารถสร้างภาพถ่ายที่คนดูแล้วสามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นผลงานของฉัน ดังนั้น ฉันจึงพยายามพัฒนาทักษะของตัวเองอยู่เสมอค่ะ
ธีมของการถ่ายภาพในครั้งนี้คืออะไร และคุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหน
ฉันรักธรรมชาติค่ะ ธรรมชาติรู้สึกเหมือนบ้านของฉันเลย นางแบบคือเพื่อนสมัยมัธยมของฉันชื่อ Wood ที่เป็นนักเต้นและศิลปินค่ะ ฉันเคยถ่ายภาพเธอในโปรเจกต์จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยด้วย ฉันชอบจับภาพช่วงเวลาต่าง ๆ ของเธอขณะเต้น เพราะบางทีการเต้นของเธอมันสามารถสัมผัสหัวใจคนดูได้ มันน่าประทับใจมากค่ะ เมื่อคุณชวนฉันมาถ่ายภาพในครั้งนี้ ฉันนึกถึงเธอทันที และคิดว่ามันจะยอดเยี่ยมมากถ้าได้ถ่ายในสภาพแวดล้อมแบบนี้
คุณมีวิธีการคิดคอนเซปต์ในการถ่ายภาพแต่ละครั้งอย่างไร
ส่วนใหญ่แล้วมันค่อนข้างจะเป็นไปตามธรรมชาติค่ะ แต่ถ้ามีคอนเซปต์จริง ๆ ก็จะต้องมีการวางแผนเกี่ยวกับการเลือกเสื้อผ้า แสง ของตกแต่ง และเวลาในการถ่ายค่ะ ทุกวันฉันจะค้นหาแรงบันดาลใจจาก Pinterest หนังต่าง ๆ และชื่นชมผลงานของคนอื่น ๆ ค่ะ
คุณมีภาพถ่ายที่ชอบเป็นพิเศษที่ถ่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้ไหม
ทุกภาพที่ฉันถ่ายให้แฟนของฉัน มันเหมือนว่าจะออกมาดีเสมอค่ะ ไม่รู้ทำไม แต่มันดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป และคนรอบตัวฉันก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างนั้นค่ะ

คุณเจอความท้าทายอะไรบ้างในการถ่ายภาพบุคคล
ตอนที่ฉันเริ่มต้นถ่ายภาพใหม่ ๆ ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการสื่อสารค่ะ เพราะตอนนั้นฉันไม่ค่อยเก่งในการแสดงออกทางคำพูด มันยากที่จะถ่ายทอดคอนเซปต์ที่จินตนาการไว้ในใจให้คนอื่นเข้าใจ แต่เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าจะพูดอะไรและสื่อสารกับคนอื่นได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฉันเคยได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศมากค่ะ ในวันที่อากาศหม่นหมอง ฉันรู้สึกว่าภาพถ่ายของฉันออกมาไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้ ฉันใช้การปรับสีในขั้นตอนการตกแต่งภาพเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่าง ซึ่งช่วยให้ฉันสามารถเอาชนะข้อจำกัดของสภาพอากาศได้ค่ะ
การถ่ายภาพด้วยฟิล์มแตกต่างจากการถ่ายภาพดิจิทัลอย่างไร
ตอนแรกฉันระมัดระวังมากกับการใช้ฟิล์ม เพราะแตกต่างจากการถ่ายภาพดิจิทัลที่จำนวนภาพมีจำกัด ฉันเคยใช้เวลาถ่ายฟิล์มม้วนหนึ่งถึงสามเดือนเลยค่ะ ระมัดระวังทุกภาพ
แต่เมื่อฉันโตขึ้น ฉันก็เริ่มปรับตัวและใช้หลัก "อย่าคิดมาก ถ่ายไปเลย" ตามสไตล์ Lomography ฟิล์มเองมีตัวแปรหลายอย่าง และตอนนี้ฉันถ่ายอย่างอิสระมากขึ้น บางครั้งก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นผลลัพธ์ แม้จะถ่ายฟิล์มมานานถึงห้าหกปี ฉันก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้รับภาพที่ล้างเสร็จ
สำหรับฉัน การถ่ายภาพดิจิทัลส่วนมากจะเป็นงานวิดีโอ ในขณะที่ฟิล์มเป็นภาพถ่ายที่ส่วนตัวมากกว่า ปีที่แล้ว ฉันได้ซื้อ Ricoh GR1s มาใช้ถ่ายภาพประจำวัน ซึ่งมันสำคัญมากสำหรับฉันค่ะ
ประสบการณ์ของคุณในการใช้ฟิล์ม LomoChrome Metropolis 120, Lomography ISO 800 120, และเลนส์ New Petzval 55mm f/1.7 MKII Art เป็นอย่างไรบ้างคะ
ฉันอยากลองใช้ LomoChrome Metropolis มานานแล้วค่ะ ลักษณะสีเขียว สีแดงเข้ม และสีที่ไม่ค่อยอิ่มตัว เหมาะมากสำหรับการถ่ายภาพในฮ่องกง น่าเสียดายที่กล้อง 120 TLR ของฉันเสีย แต่โชคดีที่ได้ลองใช้กล้อง Diana F+! ฉันไม่ค่อยได้ถ่ายภาพแบบ double exposure แต่รู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก เหมือนกับการผจญภัยเลยค่ะ ฟิล์ม Lomography ISO 800 120 color negative มีความยืดหยุ่นสูงมากค่ะ แม้ว่าภาพของฉันจะได้รับแสงน้อยไป แต่ก็ยังเห็นรายละเอียดบางอย่างได้ค่ะ

กล้องหรือฟิล์มรุ่นไหนที่คุณชอบที่สุด และเพราะอะไร
ฉันชอบโทนสีของฟิล์ม Metropolis มากค่ะ และยังชอบโทนสีเย็น ๆ ของ LomoChrome Color ’92 ฉันชอบฟิล์มของ Lomography เพราะมันกล้าหาญในการทดลองใช้สีที่หลากหลายค่ะ

คุณมีโปรเจกต์ในอนาคตเกี่ยวกับการถ่ายภาพที่อยากแชร์กับเราบ้างไหม
จริง ๆ แล้วแฟนของฉันและฉันเคยอยากเป็นครีเอเตอร์ที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ มาตลอดค่ะ เรามักจะเข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ และรักการถ่ายภาพ ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก เราจะถ่ายภาพและวิดีโอ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ ดังนั้นเราหวังว่าจะมีคนในฮ่องกงมากขึ้นที่สามารถชื่นชมผลงานของเรา ขอบคุณ Lomography ที่เชิญฉันมาค่ะ
ขอขอบคุณ Calista ที่มาแบ่งปันประสบการณ์และเส้นทางการถ่ายภาพ หากคุณอยากดูผลงานเพิ่มเติมของเธอ สามารถติดตามได้ทางInstagram และ Website
ไม่มีความคิดเห็น