การตั้งคำถามถึงการมีชีวิตอยู่และการค้นหาความหมายชีวิตของ Cho Jin-young ผ่านผลงานภาพถ่ายจากกล้อง Lomomatic 110

ช่างภาพฟิล์มจากโซล Cho Jin-young เล่าถึงเส้นทางที่ทำให้เธอตกหลุมรักการถ่ายภาพฟิล์มทีละน้อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมองว่าการถ่ายภาพฟิล์มไม่ใช่แค่การบันทึกภาพเท่านั้น แต่เป็นสื่อที่สามารถจับแก่นแท้ของการมีชีวิตอยู่ได้ เธอยังคงสำรวจและค้นหาความหมายของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นผ่านกระบวนการนี้ โดยล่าสุดได้ทดลองใช้กล้อง Lomomatic 110 ในการถ่ายทอดเรื่องราวของเธอ

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่แม็กกาซีนของเรา! ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหมคะ

สวัสดีค่ะ! ฉันชื่อ Cho Jin-young เป็นเจ้าของไอจี @hwifilm ที่ฉันใช้โพสต์ผลงานการถ่ายภาพฟิล์มของตัวเองค่ะ

หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยศิลปะ ฉันได้ทำงานด้านแต่งหน้าเอฟเฟกต์สำหรับภาพยนตร์โฆษณา และฉันก็เป็นผู้รอดชีวิตจากมะเร็งระยะที่ 4 ด้วยค่ะ

ปัจจุบัน ฉันทำงานเกี่ยวกับโปรเจกต์ 3D ไปพร้อมกับถ่ายภาพฟิล์ม ดูเหมือนว่าจะมีอะไรให้ทำเยอะเลย! สักวันจะมีวันที่ฉันสามารถบรรยายตัวเองด้วยคำเพียงคำเดียวได้ไหมนะ ถ้าได้ ฉันก็อยากเป็นแค่ Cho Jin-young เท่านั้น ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติม

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

คุณเริ่มถ่ายภาพเมื่อไหร่ และอะไรที่ทำให้คุณเริ่มถ่ายภาพ

ฉันได้กล้องตัวแรกของตัวเองประมาณช่วงที่เรียนจบมัธยมต้นค่ะ หลังจากนั้น ตอนเรียนมหาวิทยาลัย กล้อง DSLR ก็เริ่มเป็นที่นิยมกัน ฉันเลยหันมาใช้กล้องดิจิทัลตามเทรนด์เหมือนกัน ในคลาสถ่ายภาพครั้งหนึ่ง ฉันถ่ายภาพขาวดำด้วยกล้องดิจิทัล แต่อาจารย์บอกว่า “ภาพขาวดำจากดิจิทัลไม่ใช่ขาวดำจริง ๆ นะ” ทำให้ฉันสงสัยว่า “แล้วขาวดำจริง ๆ มันเป็นยังไง” คำถามนั้นทำให้ฉันซื้อกล้องฟิล์มมาลองใช้

ถึงแม้การถ่ายภาพจะไม่เคยเป็นจุดหลัก ๆ ในงานหลักของฉัน แต่ก็เป็นสิ่งที่อยู่กับฉันมาตลอด แม้ในช่วงที่ยุ่งและต้องวางกล้องลงบ้าง ฉันก็ยังคงพกกล้องฟิล์มตัวเล็ก ๆ ติดตัวไว้เสมอเมื่อมีโอกาสพิเศษหรือเวลาเดินทาง จริง ๆ แล้วการถ่ายภาพสำหรับฉันตอนนี้ เหมือนเป็นเครื่องมือในการ 'ฟื้นฟู' ตัวเองหลังจากเจ็บป่วย เหมือนเป็นการช่วยให้ฉัน 'เดิน' ได้อีกครั้ง

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

แนวคิดเบื้องหลังการถ่ายภาพชุดนี้คืออะไร

แนวคิดของเซ็ตนี้คือการสะท้อนถึง 'การมีชีวิตอยู่' ค่ะ พอเป็นผู้ใหญ่ ฉันมักจะบอกกับตัวเองว่า "ในมุมมองของจักรวาล เราเป็นเหมือนฝุ่นผง ดังนั้นเราก็แค่ต้องส่องแสงในแบบของเราเอง" ความคิดนี้ให้กำลังใจฉันมากในช่วงที่รู้สึกท้อแท้ และแม้ตอนนี้ฉันก็ยังต้องเตือนตัวเองด้วยคำนี้อยู่บ่อย ๆ

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงลองจัดวางนางแบบของฉัน Jeong-in ให้อยู่ท่ามกลางโครงสร้างเมืองที่ซับซ้อน ใช้การซ้อนภาพหลายครั้ง หรือถ่ายซ้อนตัวบุคคลเดียวกันหลายครั้ง เพื่อสร้างความคลุมเครือว่าอะไรคือ 'ความจริง' แม้ภาพอาจจะดูเลือนรางหรือไม่ชัดเจน แต่ความจริงก็คือ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ชัตเตอร์กดลง ทุกภาพของ Jeong-in ที่ปรากฏบนฟิล์มนั้นเป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าฉันจะถ่ายภาพออกไปอย่างไร มันยังคงส่องแสงในแบบของมัน และนั่นคือสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

ดูเหมือนว่าคุณเน้นการถ่ายภาพพอร์เทรทเป็นหลัก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าคุณทำงานร่วมกับนางแบบอย่างไร

จริง ๆ แล้ว ฉันเพิ่งเริ่มถ่ายภาพพอร์เทรทได้ไม่นานค่ะ แต่เพราะเคยทำโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับร่างกายมนุษย์มาก่อน เลยรู้สึกคุ้นเคยกับการใช้มนุษย์เป็นแบบ ในช่วงแรก ๆ ฉันมีความคิดที่ค่อนข้างมั่นใจเกินไปว่า "แบบนี้น่าจะง่ายนะ!" แต่พอขยายงานการถ่ายภาพออกไปเรื่อย ๆ ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ความไว้ใจ และทักษะการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก

สำหรับการถ่ายที่มีคอนเซปต์ชัดเจนหรือมีรายละเอียดเยอะ ฉันมักจะทำสตอรีบอร์ด ใช้ทั้งข้อความและภาพวาด เพื่อช่วยให้นางแบบเข้าใจแนวทางของงานได้ง่ายขึ้น แต่ฉันไม่ได้วางแผนรายละเอียดขนาดนั้นทุกครั้ง บางครั้งฉันก็เข้ากองถ่ายด้วยใจที่เบากว่านั้น แล้วสังเกตข้อดีหรือเสน่ห์เฉพาะตัวของนางแบบในขณะนั้น แล้วค่อย ๆ ถ่ายภาพออกมา

ถึงแม้การถ่ายบางครั้งจะเป็นการถ่ายแบบสบาย ๆ ฉันก็มักจะมีการพูดคุยล่วงหน้าเกี่ยวกับเสื้อผ้าหรือการแต่งหน้า รวมถึงคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่างภาพควรจะรู้จักสถานที่ดีพอ ฉันจึงมักจะไปสำรวจสถานที่ล่วงหน้า หรือมาถึงหน้างานให้เร็วกว่ากำหนดเพื่อตรวจทุกอย่างให้เรียบร้อย

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

คุณถ่ายภาพด้วยฟิล์มโดยเฉพาะ และยังล้างฟิล์มด้วยตัวเอง ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงชอบใช้ฟิล์ม และทำไมถึงเลือกล้างฟิล์มด้วยตัวเอง

ในช่วงหนึ่ง ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่ภาพถูกสร้างและทิ้งได้ง่ายดายเหลือเกินในยุคนี้ จริง ๆ แล้ว ฉันทำงานกับเครื่องมือดิจิทัลมาเป็นเวลานาน และค่อนข้างคุ้นเคยกับมันอยู่ค่ะ ฉันยังคงทำงาน 3D อยู่เป็นประจำ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มคิดถึงวิธีการใช้ AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้โปรเจกต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ด้วยความที่ภาพที่ฉันสร้างบนคอมพิวเตอร์สามารถทำซ้ำ ลบ และสร้างใหม่ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้การเสพภาพเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้ภาพสูญเสียความสดใหม่ได้เร็ว ความรู้สึกว่างเปล่าที่เกิดจากกระบวนการเหล่านี้ ทำให้ช่วงเวลาที่ฉันถ่ายภาพด้วยฟิล์มยิ่งรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น ฉันถ่ายภาพแต่ละภาพด้วยความตั้งใจที่จะบันทึกช่วงเวลานั้นจริง ๆ และเพราะมีจำนวนเฟรมที่จำกัด ฉันจึงถ่ายภาพอย่างรอบคอบมากขึ้น บางครั้งก็รู้สึกเสียดายเมื่อต้องพลาดบางสิ่งไป แต่สิ่งนั้นก็ทำให้ฉันตั้งตารอโอกาสครั้งหน้า กระบวนการนี้ช่วยยกระดับคุณภาพของภาพได้เองตามธรรมชาติ

อีกสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าหาอะไรมาแทนที่ไม่ได้ก็คือการที่มี "ต้นฉบับ" เป็นสิ่งที่จับต้องได้ ฉันให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีตัวตนจริง สิ่งที่ฉันสร้างขึ้นและสัมผัสได้ด้วยมือของตัวเอง ฉันให้ความสำคัญกับกระบวนการนี้ ความตื่นเต้นและความสุขที่ได้รู้ว่าฟิล์มที่สัมผัสกับแสงในช่วงเวลาสั้น ๆ กำลังสร้างภาพขึ้นในน้ำยา ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่พิเศษ กระบวนการนี้ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่สามารถเก็บรักษาช่วงเวลาของใครบางคนไว้ได้ในรูปแบบที่จับต้องได้

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

นี่เป็นครั้งแรกของคุณที่ใช้ฟิล์มขนาด 110 หรือเปล่า รู้สึกอย่างไรบ้าง และอะไรที่ทำให้แตกต่างจากฟอร์แมตอื่น ๆ(

ใช่ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใช้ฟิล์มขนาด 110 เพราะโดยปกติแล้วฉันจะใช้ฟิล์ม 35 มม. เนื่องจากความสะดวกในการล้างและสแกน ปีนี้ฉันเน้นไปที่การลดความไม่แน่นอนโดยการใช้ฟิล์ม, น้ำยา, และกล้องตัวเดียวกันในการถ่ายภาพพอร์เทรท ดังนั้นการลองใช้ฟอร์แมตใหม่ ๆ จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจค่ะ

ข้อดีที่เด่นชัดสำหรับฉันคือ ขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบาของฟิล์ม 110 ค่ะ ฉันรู้สึกว่ากล้อง SLR ที่หนักเกิน 500 กรัมมันหนักเกินไป ดังนั้นการมีอะไรที่สามารถใส่ในกระเป๋ากางเกงไว้พกช่วงฤดูร้อนได้ง่าย หรือสามารถโยนกล้อง Lomomatic 110 ลงในกระเป๋าโดยไม่เพิ่มน้ำหนักมากก็เป็นความสะดวกสบายที่ดีมาก

อีกแง่มุมที่น่าสนใจคือเกรนที่เด่นชัดจากขนาดฟิล์มเล็ก ซึ่งทำให้ภาพมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ฉันยังชอบกรอบภาพที่มีชื่อฟิล์มและโลโก้บนฟิล์มด้วย มันเป็นฟีเจอร์ที่สนุกดี และเมื่อฉันยกกล้องขึ้นมาที่ตา การที่มันปิดทั้งสองตาของฉัน รู้สึกเหมือนกับเอฟเฟกต์โมเสกในโปสเตอร์ของหนัง Parasite ซึ่งทำให้มันดูมีเสน่ห์มากค่ะ

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

ความประทับใจของคุณกับฟิล์ม Color Tiger 110 ISO 200 film เป็นอย่างไรบ้าง

ฉันว่า Color Tiger 200 เป็นหนึ่งในฟิล์มที่หลากหลายที่สุดในสายฟิล์ม 110 ของ Lomography ค่ะ เพราะมันให้พาเลตสีที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ความไวแสง ISO 200 ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีในหลาย ๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้กับแฟลชในสภาวะแสงน้อย เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้เห็นฟิล์มพิเศษจาก Lomography ในไอจี ซึ่งทำให้ฉันมองว่า Lomography เป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์ฟิล์มและกล้องที่ไม่เหมือนใครและสนุกสนาน ซึ่งทำลายกรอบของสิ่งที่คาดหวัง และการใช้ Color Tiger 200 ทำให้ฉันนึกถึงฟิล์ม Lomography 100, 400 และ 800 ที่ฉันเคยใช้มาก่อน มันให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการถ่ายภาพได้แบบง่าย ๆ ฉันคิดว่ามันเป็นฟิล์มที่น่าเชื่อถือสำหรับการถ่ายภาพในชีวิตประจำวันหรือการเดินทาง ถ่ายภาพธรรมชาติ และการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ด้วย

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

คุณรู้สึกอย่างไรกับการใช้ฟิล์มB&W Orca 110 ISO 100 film บ้าง

ตอนที่ฉันเห็นภาพครั้งแรก ฉันรู้สึกแปลกใจกับเกรนที่ค่อนข้างหยาบ แต่เมื่อฉันใช้แฟลชในตัวสำหรับการถ่ายภาพพอร์เพรท ความคอนทราสต์ที่เพิ่มขึ้นกลับทำให้ฉันชอบมากเลยค่ะ ฉันตั้งใจจะถ่ายในวันที่ท้องฟ้าสดใส แต่โชคไม่ดีที่สภาพอากาศค่อนข้างมีครึ้ม ซึ่งก็ทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ฉันมักรู้สึกว่าอากาศที่มีเมฆหมอกเหมาะกับฟิล์มขาวดำเสมอ และสุดท้ายฉันก็พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ค่ะ

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

อยากให้แนะนำคอนเซปต์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม 110

ฟอร์แมต 110 สามารถใช้กับคอนเซปต์เกือบทุกประเภทเลยค่ะ แต่ฉันคิดว่ามันจะเด่นที่สุดในโปรเจกต์ที่มีความเป็นลักษณะดิบ ๆ มากกว่าโปรเจกต์ที่ต้องการรายละเอียดที่ละเอียดมาก เนื่องจากขนาดของฟิล์มที่เล็ก เกรนจึงเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น และแฟลชที่เบาและสะดวกสามารถเสริมสร้างบรรยากาศเรโทรได้ดีถ้าใช้งานอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้อง Lomomatic 110 ถึงแม้จะเป็นกล้องอัตโนมัติ แต่ก็รองรับการถ่ายซ้อนหลายครั้งและโหมด Bulb ซึ่งทำให้เป็นกล้องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับการสร้างภาพที่มีจินตนาการและทดลองอะไรใหม่ ๆ

คุณมีภาพที่ชื่นชอบจากการถ่ายชุดนี้ไหม และอะไรทำให้ภาพใชนั้นพิเศษกว่าภาพอื่น

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

ภาพนี้เป็นการถ่ายซ้อนสองครั้ง จริง ๆ ชัตเตอร์แรกถูกกดไปก่อนที่แฟลชจะชาร์จเต็ม ดังนั้นฉันจึงถ่ายภาพซ้อนทับอีกครั้งหนึ่งไปบนภาพแรก ซึ่งทำให้ภาพมีลักษณะที่ทับซ้อนและเบลอเล็กน้อยที่ทำให้มันน่าสนใจมาก สำหรับการสะท้อนของแสงแฟลชบนประตูที่คลุมด้วยพลาสติกด้านหลัง มันดูเหมือนคลื่นหรือริ้วรอยอะไรบางอย่างที่แปลกตา เพราะฟิล์มที่ฉันใช้มีโทนสีที่ค่อนข้างธรรมดา ฉันจึงอยากสร้างภาพที่มีความแปลกใหม่และไม่ธรรมดาขึ้นมาในภาพนี้ ฉันชอบภาพนี้เพราะมันดูเหมือนจะเป็นภาพธรรมดา ๆ แต่มันก็ซ่อนความลับที่ฉันเท่านั้นที่รู้

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

คุณมีโปรเจกต์ในอนาคตที่อยากจะแบ่งปันกับคอมมิวนิตี้ Lomography ไหม?

ฉันไม่มีแผนการใหญ่โตอะไรค่ะ แต่ฉันอยากจะถ่ายภาพด้วยฟิล์มต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันอยากจะบันทึกและเก็บรักษาช่วงเวลาที่ใครบางคนได้มีชีวิตอยู่ มันรู้สึกเหมือนกับการเดินทางที่ฉันเริ่มต้นขึ้นโดยมีเป้าหมายเดียวในใจ และในที่สุดมันก็ทำให้ฉันมีความสุขมากมาย เมื่อมองย้อนกลับไป ทุกสิ่งที่ฉันทำเหมือนจะพาฉันมาถึงจุดนี้ และถึงแม้ว่าฉันรู้ว่ายังมีการพัฒนาอีกมากหากฉันต้องการทำงานด้านนี้อย่างมืออาชีพ แต่ฉันหวังว่าการถ่ายภาพจะกลายเป็นส่วนสำคัญมากขึ้นในชีวิตของฉันค่ะ

©Cho Jinyoung | lomomatic 110

สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรเพิ่มเติมไหม

ช่วงนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยหน่อยค่ะ โดยมีฤดูร้อนที่ไม่มีที่สิ้นสุดมาครอบงำพลังงานของฉัน แต่กล้อง Lomomatic 110 กลับมอบประกายสดชื่นให้ฉัน มันเป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่ได้ไปส่งฟิล์มที่ร้านล้างและรอคอยภาพที่จะกลับมา และมันทำให้ฉันตระหนักได้ว่ามีช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันรู้สึกสนุกกับการรอคอยนี้จริง ๆ ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันได้ลองใช้ฟอร์แมตกล้องใหม่และฟิล์มใหม่ค่ะ!


ขอขอบคุณ Cho Jin-young ที่ได้แบ่งปันมุมมองอันลึกซึ้งเกี่ยวกับการถ่ายภาพและชีวิตของเธอ คุณสามารถชมผลงานเพิ่มเติมของเธอได้ที่ Instagram

เขียนโดย suy0909 เมื่อ 2024-11-10 ในหมวด #gear #ผู้คน

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ