Zenit EM และเลนส์ Industar 50-2: เลนส์ขนาดเล็กสำหรับการผจญภัยในเมือง!

เลนส์เล็ก ๆ อย่าง Industar 50-2 น่าจะเป็นเลนส์ที่เล็กที่สุดสำหรับกล้อง SLR มันช่างเหมาะกับกล้องเก่าอย่าง Zenit EM ของฉัน กล้องที่ผลิตออกมารูปร่างคล้ายกับรถถัง! สนุกไปกับการผจญภัยที่แปลกใหม่ด้วยกล้อง Zenit ในการถ่ายภาพของรูปทรงเรขาคณิตต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในเมือง!

ฉันซื้อกล้อง Zenit EM มาได้ปีกว่าแล้ว กล้องนี้เป็นที่พัฒนาขึ้นเล็กน้อยจากกล้องระดับตำนานอย่าง Zenit E ซึ่งถือว่าเป็นกล้องที่ดีอีกตัวหนึ่ง! (โดยฉันเขียนบทความเกี่ยวกับ Zenit E ในภาษาอิตาลีไว้) รุ่น EM นั้นแตกต่างกัน เพราะกล้องนี้มีข้อดีจากการปิดอัตโนมัติของ lens blades (กล้องนี้ทำงานในโหมด stop down ดังนั้นเมื่อคุณกดปุ่มชัตเตอร์ลงบางส่วน lens blades จะปิดลงทำให้คุณสามารถเห็นระยะชัดตื้นชัดลึกที่เกิดขึ้นได้) สำหรับการประเมินระยะชัดตื้นชัดลึกนั้น Zenit E ยังเป็นคงกล้องที่ทำได้ดีที่สุด เพราะช่องมองภาพเป็นกระจกธรรมดาที่ไม่มีเลนส์ Fresnel และไม่มีไมโครปริซึมอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกัน EM กลับใช้ระบบเหล่านี้เพื่อการโฟกัส ทำให้ช่องมองภาพมีขนาดเล็กลงซึ่งจะกะระยะชัดตื้นชัดลึกได้ไม่แม่นยำ

นี่คือกล้อง (คล้ายกับ Zenit E พร้อมกับมิเตอร์วัดแสงแบบซีลีเนียมเช่นเดิม และยังคงได้ใช้งานได้ 100%!):

สำหรับความเร็วชัตเตอร์นั้นจะเหมือนกันสำหรับกล้องทุกตัวในตระกูล Zenit: ฉันมีกล้องทั้ง Zenit E, EM, TTL และ 122 ทั้งหมดมีค่าความเร็วชัตเตอร์ตั้งแต่ 1/30 จนถึง 1/500s และโหมด Bulb มันเป็นไปได้ที่จะทำ T pose โดยการหมุนที่ปุ่มชัตเตอร์

ข้อดีอีกข้อของมันที่เหนือกว่า Zenit E ก็คือสวิทช์สำหรับกรอฟิล์มย้อนกลับ ใช้งานง่ายด้วยการกดปุ่มครั้งเดียวแล้วทำการหมุนที่เฟือง (โดยในรุ่น E ที่คุณจำเป็นต้องกดปุ่มค้างไว้ตลอดในขณะที่คุณกำลังกรอฟิล์ม)

มีสองความเห็นเกี่ยวกับเลนส์ Industar 50-2 คือเป็นเลนส์ระบบ Tessar (มีสี่ชิ้นเลนส์ในสามกลุ่ม) จึงเป็นเลนส์ที่มีความคมมาก คอนทราสต์ที่ดีเยี่ยม พร้อมกับโทนสไตล์ “วินเทจ” โดยเลนส์ไม่ได้มีระบบอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจะต้องปิดไดอะแฟรม (lens blades) ด้วยตนเองก่อนที่จะถ่ายภาพ เลนส์เดียวกันนี้มีรุ่นที่เป็นเมาท์ M39 สำหรับกล้อง rangefinder อย่าง Fed และ Zorki ดังนั้นถ้าคุณสนใจเลนส์ตัวนี้ ควรตรวจสอบรุ่นให้รอบคอบก่อนที่จะซื้อมัน!

นี่คือภาพถ่ายบางส่วน เลนส์นี้เหมาะสำหรับถ่าย “ภาพนิ่ง” ไม่เหมาะกับการถ่ายภาพที่มีการ “เคลื่อนไหว” สูง แต่ด้วยโทนสีและความคมชัดที่ดีเยี่ยมของมัน ขอให้สนุกกับการ “ตามล่าลวดลายเส้นสายภายในเมือง!” รูปทั้งหมดนี้ถูกถ่ายด้วยฟิล์ม Fuji Superia ISO 400 และทำการล้างครอส

ภายในที่จอดรถในวันที่มีหิมะตก:

สองภาพนี้สำหรับเส้นโค้งของสะพานรถไฟ:

สองภาพนี้ถ่ายจากบันไดของ “Monumento ai Caduti di Como” ที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับทหารที่ถูกฆ่าตายในสงครามโลก:

นี่คือภาพถ่ายบางส่วนในสถานีรถไฟหลักของ Milano “Milano Centrale” คุณสามารถเห็นได้ว่าเลนส์นี้จะช่วยให้โทนสีเทาดีขึ้นและมีคอนทราสต์ที่สวยงาม

ที่นี่สถานีรถไฟหลักในเมืองของฉันคือ “Como San Giovanni” และบันไดด้านนอกสถานี:

โทนสีเทาที่ดีในเวลากลางคืน!

Zenit E ปะทะ Zenit EM:

Zenit E เป็นกล้องที่ฉันต้องการ เมื่อฉันต้องถ่ายภาพที่ต้องการความถูกต้องของระยะชัดตื้นชัดลึกที่แม่นยำ เมื่อต้องการที่จะเน้นไปที่องค์ประกอบของภาพ เพราะช่องมองภาพแบบกระจกธรรมดาช่วยให้คุณสามารถเน้นไปที่ฉาก โดยไม่ต้องมีผลกระทบที่อาจจะเกิดจากเลนส์ Fresnel และตัวช่วยโฟกัสอื่น ๆ

Zenit EM จะดีกว่าในสภาพที่แสงน้อยเพื่อการโฟกัสตัวแบบที่แม่นยำกว่า ส่วนใหญ่ฉันใช้รุ่น E กลางแจ้งในวันที่มีแดดและใช้รุ่น EM ในวันที่มีเมฆมากและฝนตก

กล้องทั้งสองมีวัดแสง ความเร็วชัตเตอร์ในแบบเดียวกัน และเหมือนกันที่น้ำหนักของมัน นั่นคือมันหนักมาก!

Zenit EM มีสองวงเล็ก ๆ สำหรับใส่สายคล้องคอ แต่ในรุ่น Zenit E นั้นไม่มี

Zenit E ไม่มีความสามารถในการใช้เลนส์แบบอัตโนมัติ

หมายเหตุ: ยังมีเลนส์อื่น ๆ ที่ดีอย่างเช่น Helios 44-2 ซึ่งฉันใช้มันกับ Zenit E ของฉัน เลนส์ทั้งสองตัวจะสามารถสลับใช้ได้กับกล้องทั้งสองตัว แต่ Zenit EM สามารถใช้เลนส์ในระบบอัตโนมัติได้ตั้งแต่ Helios รุ่น 44M-4 ไปจนถึง 44M-7!

ขอให้สนุกไปกับกล้องทั้งสอง!

เขียนโดย sirio174 เมื่อ 2012-09-06 ในหมวด #gear #review #geometry #zenit #lines #50mm-lens #zenit-em #lomography #small-lens #user-review #industar-50-2 #tessar-scheme #urban-geometry

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ